อิมิดาคลอพริด (imidacloprid)
2. เพื่อใช้สำหรับฆ่าหมัดในสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข และแมว เป็นต้น โดยมียาเตรียมในรูปแบบพิเศษโดยเฉพาะสำหรับทาที่หลังคอ
2. ถ้าถูกผิวหนังให้รีบล้างออกด้วยสบู่และน้ำ เป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที จนสะอาด
3. ถ้าเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากๆ โดยใช้นิ้วมือแยกเปลือกตาออกจากกันระหว่างล้าง
4. ถ้าหกรด หรือเปื้อนบนเสื้อผ้า ให้อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันที
5. ถ้ากลืนกินเข้าไป ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ 1-2 แก้ว แล้วกระตุ้นให้อาเจียนโดยการล้วงคอ หรือดื่มน้ำเกลือเข้มข้น (เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ ละลายในน้ำอุ่น 1 แก้ว) ห้ามดื่มนม หรือให้เครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล์แก่ผู้ป่วย แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที พร้อมฉลากและภาชนะบรรจุ
6. สำหรับแพทย์ ให้ช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวก หากผู้ป่วยกลืนกินอิมิดาโคลพริดเข้าไปให้ล้างท้อง และรักษาตามอาการ
ราคาจำหน่าย
- ขนาด 100 CC. 160 บาท ค่าจัดส่ง EMS = 52 บาท ลงทะเบียน = 25 บาท
- ขนาด 500 CC. 480 บาท ค่าจัดส่ง EMS = 82 บาท ลงทะเบียน = 40 บาท
ชื่อทางเคมี :
- N-[1-[(6-Chloro-3-pyridyl)methyl]-4,5-dihydroimidazole-2-yl]nitramide
- (E)-1-(6-Chloro-3-pyridylmethyl)-N-nitroimidazolidin-2-ylidneneamine
- (E)-1-[(6-Chloro-3-pyridyl)methyl]-N-nitro-2-imidazolidinimine
สูตรเคมี :
C9H10ClN5O2
สูตรโครงสร้างทางเคมี :
ใช้ในอัตรา 15-20 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นให้ทั่วเมื่อพบการระบาด
กลไกการออกฤทธิ์/การเกิดพิษ
อิมิดาโคลพริด มีโครงสร้างเป็นอนุพันธ์ของนิโคทีน (nicotine) โดยสารนี้จัดอยู่ในสารฆ่าแมลงกลุ่มคลอโรนิโคทินิล (chloronicotinyl insecticides) แมลงสามารถรับสารฆ่าแมลงนี้ได้โดยการสัมผัสหรือการกิน ซึ่งอิมิดาโคลพริดจะไปออกฤทธิ์โดยจับที่ตัวรับนิโคทินิค อะเซทิลโคลีน (nicotinic acetylcholine receptor) และทำให้มีการสะสมสารสื่อประสาทอะเซทิลโคลีนมากขึ้น ซึ่งผลโดยรวมคือการรบกวนระบบสื่อประสาทในแมลง แมลงที่ได้รับสารฆ่าแมลงนี้จะเฉื่อยชา อ่อนแรง หยุดกินอาหาร และตายในที่สุด สารฆ่าแมลงนี้มีพิษต่อมนุษย์และสัตว์เลือดอุ่นต่ำกว่าแมลง ทำให้มีผลจำเพาะเจาะจงต่อแมลงมากกว่า และการที่การออกฤทธิ์ของสารฆ่าแมลงกลุ่มนี้ต่างจากกลุ่มอื่น ทำให้สามารถใช้กำจัดแมลงที่ดื้อต่อสารฆ่าแมลงกลุ่มอื่นได้
ประโยชน์
1.เพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น ข้าว ฝ้าย ส้มเขียวหวาน ส้มโอ มะนาว มะเขือเปราะ พริก หอมแดง หอมแบ่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียม และถั่วเหลือง เป็นต้น เพื่อกำจัดศัตรูพืชซึ่งได้แก่ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยกระโดดหลังขาว เพลี้ยจักจั่นสีเขียว เพลี้ยจักจั่น-ปีกลายหยัก เพลี้ยจักจั่นฝ้าย เพลี้ยอ่อนฝ้าย เพลี้ยไฟ เพลี้ยไก่แจ้ส้ม เพลี้ยไฟพริก แมลงหวี่ขาวยาสูบ หนอนชอนใบส้มเต่าทองบางชนิด และปลวก เป็นต้น
2. เพื่อใช้สำหรับฆ่าหมัดในสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข และแมว เป็นต้น โดยมียาเตรียมในรูปแบบพิเศษโดยเฉพาะสำหรับทาที่หลังคอ
อาการแสดงและการวินิจฉัย
อาการการเกิดพิษ ได้แก่ เหนื่อยล้า เซื่องซึม กระตุก เป็นตะคริว กล้ามเนื้อเปลี้ยอ่อนแรง รวมทั้งกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจ ทำให้หายใจขัด
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการรักษา
1. ให้รีบนำตัวผู้ป่วยออกจากบริเวณที่ใช้สารฆ่าแมลง ไปยังที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ถ้าไม่หายใจ ให้ช่วยหายใจ ถ้าหายใจลำบาก ให้ออกซิเจน
2. ถ้าถูกผิวหนังให้รีบล้างออกด้วยสบู่และน้ำ เป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที จนสะอาด
3. ถ้าเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากๆ โดยใช้นิ้วมือแยกเปลือกตาออกจากกันระหว่างล้าง
4. ถ้าหกรด หรือเปื้อนบนเสื้อผ้า ให้อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันที
5. ถ้ากลืนกินเข้าไป ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ 1-2 แก้ว แล้วกระตุ้นให้อาเจียนโดยการล้วงคอ หรือดื่มน้ำเกลือเข้มข้น (เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ ละลายในน้ำอุ่น 1 แก้ว) ห้ามดื่มนม หรือให้เครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล์แก่ผู้ป่วย แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที พร้อมฉลากและภาชนะบรรจุ
6. สำหรับแพทย์ ให้ช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวก หากผู้ป่วยกลืนกินอิมิดาโคลพริดเข้าไปให้ล้างท้อง และรักษาตามอาการ
ข้อควรระวัง
1. ขณะผสม ควรสวมถุงมือและหน้ากากเพื่อป้องกันการสัมผัสกับสารฆ่าแมลง และขณะพ่นควรอยู่เหนือลม ระวังอย่าให้เข้าตา จมูก หรือปาก หรือสัมผัสผิวหนัง
2. ล้างมือและหน้าให้สะอาด ก่อนรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำ หลังจากใช้สารฆ่าแมลงเสร็จแล้ว ต้องอาบน้ำ สระผม และเปลี่ยนเสื้อผ้า
3. ห้ามทิ้งภาชนะบรรจุที่ใช้หมดแล้วลงในแม่น้ำ คู คลอง แหล่งน้ำสาธารณะ ควรกลั้วล้างภาชนะที่ใช้หมดแล้วด้วยน้ำ 3 ครั้ง ก่อนทำลายหรือฝังดิน ห้ามเผาไฟ
4. อิมิดาโคลพริด มีรายงานว่ามีพิษต่อผึ้ง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ขณะพืชมีดอกบาน และไม่ควรใช้ใกล้เขตที่มีอุตสากรรมการเลี้ยงผึ้ง
2. ล้างมือและหน้าให้สะอาด ก่อนรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำ หลังจากใช้สารฆ่าแมลงเสร็จแล้ว ต้องอาบน้ำ สระผม และเปลี่ยนเสื้อผ้า
3. ห้ามทิ้งภาชนะบรรจุที่ใช้หมดแล้วลงในแม่น้ำ คู คลอง แหล่งน้ำสาธารณะ ควรกลั้วล้างภาชนะที่ใช้หมดแล้วด้วยน้ำ 3 ครั้ง ก่อนทำลายหรือฝังดิน ห้ามเผาไฟ
4. อิมิดาโคลพริด มีรายงานว่ามีพิษต่อผึ้ง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ขณะพืชมีดอกบาน และไม่ควรใช้ใกล้เขตที่มีอุตสากรรมการเลี้ยงผึ้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น